สเปน ที่พักตัวหลักหลายคนในนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม กลับมาใช้งานชุดใหญ่อีกครั้ง โดยมี ลามีน ยามาล, อัลบาโร่ โมราต้า และ นีโก้ วิลเลี่ยมส์ ประสานงานในเกมรุก และได้ โรดรี้ พ้นโทษแบนกลับมาลุยตรงกลาง ส่วน จอร์เจีย นำมาโดย ควิช่า ควารัตสเคเลีย และ จอร์เจส มิเคาตัดเซ่
เริ่มเกมมา 18 นาที จอร์เจีย สามารถเช็คโปรแกรมบอลพรีเมียร์ลีกได้ที่ โปรแกรมบอลพรีเมียร์ลีก ทำเซอร์ไพรส์ออกนำก่อน 1-0 จากการเปิดบอลจากขวาเข้าเขตโทษของ โอตาร์ คาคาบัดเซ่ และการกดดันของ ควิช่า ควารัตสเคเลีย ทำให้ โรบิน เลอ นอร์กม็องด์ สกัดบอลเข้าประตูตัวเองไป
กระทิงดุลุยเอาประตูคืนโดยได้ลุ้นในนาที 25 โรดรี้ จ่ายเข้าเขตโทษให้ ฟาเบียน รูอีซ พลิกยิงแต่ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ พุ่งเซฟได้ อีกครั้งจากนั้นเป็น เปดรี้ ลองยิงบ้าง แต่บอลข้ามคาน
สเปนตามตีเสมอจนได้ในนาที 39 จากการจ่ายบอลของ นีโก้ วิลเลี่ยมส์ ในเขตโทษฝั่งซ้าย ให้ โรดรี้ จับบอลหนึ่งจังหวะแล้วยิงด้วยซ้าย ส่งบอลเสียบมุมอย่างเด็ดขาด
ครึ่งหลังเริ่มมา 6 นาที สเปนแซงนำ 2-1 จากฟรีคิกหน้าเขตโทษของ ลามีน ยามาล ซึ่งติดเซฟ มามาร์ดาชวิลี่ แต่จากการถ่ายบอลกลับมา ยามาล เปิดเข้าเขตโทษให้ ฟาเบียน รูอีซ โขกเต็มหัวตุงตาข่าย
นาที 75 สเปนหนีเป็น 3-1 จากการเล่นสวนกลับของ ฟาเบียน รูอีซ ที่ทิ้งบอลยาวให้ นีโก้ วิลเลี่ยมส์ หลุดมาตั้งแต่แดนตัวเอง ก่อนโยกหนีผู้เล่นจอร์เจียเข้าเขตโทษแล้วซัดแสกหน้า มามาร์ดาชวิลี่ อย่างเด็ดขาด
สกอร์ไหลเป็น 4-1 ในนาทีที่ 83 จากการโหม่งตัดบอลของ โรดรี้ ให้ มิเกล โอยาร์ซาบาล ชิ่งต่ออีกทีไปถึง ดานี่ โอลโม่ แตะเข้าซ้ายก่อนยิงเสียบโคนเสาอย่างแม่นยำ
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นอีก ทำให้จบเกม สเปนเอาชนะจอร์เจียขาดลอย 4-1 ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ และจะพบกับ “เจ้าภาพ” เยอรมัน ในวันที่ 5 กรกฎาคม